เกษตร » ชาวบ้านพรหมพิรามเลี้ยงปลาสังกะวาดขายอาชีพใหม่สร้างรายได้ดีมีกำไร

ชาวบ้านพรหมพิรามเลี้ยงปลาสังกะวาดขายอาชีพใหม่สร้างรายได้ดีมีกำไร

3 กันยายน 2020
1040   0

Spread the love


ชาวบ้านหางไหล อ.พรหมพิราม หันมายึดอาชีพเลี้ยงปลากระชัง ในแม่น้ำน่าน โดยหันมาเลี้ยงปลาสังกะวาด ที่ในอดีตไม่ค่อยมีคนนิยมรับประทาน แต่ในปัจจุบันมีคนนิยมทานมากขึ้นโดยเฉพาะเป็นที่นิยมมากในตลาดปลาในประเทศสาธารณะรัฐประชาชนลาว และเป็นที่ต้องการ ชาวบ้านจึงหันมาเลี้ยงส่งขายตลาดปลาในประเทศลาว ให้ราคาสูง มีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อถึงกระชังเพื่อส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน มีเท่าไหร่รับซื้อไม่อั้นสร้างรายได้งาม

ทีมข่าวรายงานว่า เกษตรกรที่บ้านหางไหล ม.4 ต.มะต้อง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ที่ยึดอาชีพเลี้ยงปลากระชังมานานกว่า 20 ปี ก่อนหน้านี้เลี้ยงปลานิล ปลาทับทิม ปัจจุบันต่างหันมาทดลองเลี้ยงปลาสังกะวาด ซึ่งเป็นปลาตระกูลปลาเนื้ออ่อน ในกระชังแม่น้ำน่าน และ ประสบผลสำเร็จ เลี้ยงง่าย กินอาหารไม่เปลือง สร้างรายได้งาม กิโลกรัมละ 100-110 บาท มีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อถึงกระชังส่งประเทศเพื่อนบ้าน สร้างรายได้งาม ในช่วงวัยเกษียณ
นางจับปิง สีสดเขียว อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 หมู่ 4 ตำบลมะต้อง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ได้เล่าให้ฟังว่าครอบครัวตนเองยึดอาชีพเลี้ยงปลากระชังในแม่น้ำน่าน มานานกว่า 20 ปี ปกติที่ผ่านมาก็เลี้ยงปลาทั่วไป เช่น ปลานิล ปลาทับทิม ปลาตะเพียน แต่ต่อมาปลานิล ปลาทับทิม นั้นล้นตลาด เพราะมีคนเลี้ยงเยอะ ทำให้ราคาตก ประกอบกับเลี้ยงค่อนข้างยาก ปลาทับทิม ปลานิล ค่อนข้างเปราะบาง น๊อคน้ำบ้าง ตายง่าย สภาพน้ำเปลี่ยนก็จะตาย กินอาหารเปลืองมาก ทำให้กำไรในการเลี้ยงยังไม่ค่อยพอใจเท่าที่ควร ตนจึงคิดว่าจะเลี้ยงปลาอะไรดี ที่คนนิยมรับประทานและราคาดี จึงมาลงตัวที่ปลาสังกะวาด หรือปลาสังฆะวาด หรือที่คนภาคอีสานรู้จักกันในชื่อ ปลายอน เป็นปลาที่ไม่มีเกล็ด ตระกูลเดียวกับปลาเนื้ออ่อน ชอบอาศัยอยู่กันเป็นกลุ่ม ว่ายน้ำได้รวดเร็ว สามารถกินได้ทั้งซากพืชและซากสัตว์ที่เน่าเปื่อย ปกติแล้วปลาประเภทนี้ก็มีอยู่ทั่วไปในแม่น้ำน่าน ซึ่งก่อนหน้านี้ในอดีตไม่ค่อยมีคนรัปประทาน แต่ปัจจุบันกลับมีคนนิยมรัปประทาน ซึ่งเริ่มเลี้ยงมาได้ประมาณ 1 ปี เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ เลี้ยงง่าย มีแหล่งขาย และราคาสูง

นางจับปิง ฯ บอกต่อว่า เมื่อปลาสังกะวาดเริ่มเป็นที่ต้องการของทุกคนที่เลี้ยงปลาในแถบนี้มากขึ้น ลูกปลาก็เริ่มมีจำนวนที่น้อยลง จึงต้องติดต่อหาซื้อลูกปลาสังกะวาดจากพ่อค้าคนกลาง ราคาตัวละ ไม่ถึงบาท โดยเลี้ยงเพื่ออัพไซส์ให้ตัวโตขึ้น ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 8-9 เดือนก็สามารถจับขายได้ ในราคาส่งกิโลละ 100-110 บาท โดยมีพ่อค่าคนกลางมารับซื้อถึงกระชังของตนเพื่อส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน โดยรับซื้อแบบราคาเหมารวมและไม่จำกัดจำนวน เรียกได้ว่ารับซื้อไม่อั้นมีเท่าไหร่ซื้อหมด ซึ่งได้กำไรเป็นที่น่าพอใจมาก
นางจับปิง บอกต่ออีกว่าการเลี้ยงปลาสังกะวาด เลี้ยงง่าย อัตราการตายน้อยมาก กินอาหารสำเร็จรูปน้อยเพราะลำไส้มีขนาดเล็ก การเลี้ยงจึงใช้เวลานานพอสมควร อาหารที่ให้ลูกปลาสังกะวาดกินในระยะแรก จะเป็นอาหารเม็ดเล็กที่มีเปอร์เซ็นต์โปรตีน ประมาณ 40 ให้กินประมาณ 1-2 เดือน เมื่อเห็นว่าปลาเริ่มมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น จึงเปลี่ยนเป็นอาหารที่มีขนาดเม็ดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม และจำนวนของเปอร์เซ็นต์โปรตีนลดลง ให้อยู่ที่ 30 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเป็นการลดต้นทุน ซึ่งอาหารจะให้กิน วันละ 2 มื้อ คือช่วงเช้าและเย็น

ส่วนเรื่องโรคของปลาสังกะวาด ก็ยังไม่เจออาการของโรคที่ทำให้ปลาตายในจำนวนที่มากๆ แต่เรื่องการตายของปลาที่อ่อนแอพอมีอยู่บ้างเป็นธรรมดา แต่ช่วงที่มีน้ำไหลมามากในฤดูฝน ก็จะปรับการให้อาหารน้อยลง เพราะปลาจะไม่ค่อยกินอาหารเหมือนช่วงฤดูอื่น พอปลาอายุได้ประมาณ 7 เดือน เราก็จะเตรียมขาย ขนาดไซค์ก็ประมาณ 15-20 ตัวโล ซึ่งเวลาที่พ่อค้าคนกลางมาซื้อแบบยกหมดหรือเหมาหมดกระชังเลย โดยจะขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 100-110 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ดีมากเลยทีเดียว และเป็นปลาที่นิยมรัปประทานมากทางภาคอีสานและในประเทศลาว พม่า เวียดนาม
นางจับปิง ยังได้บอกถึงข้อคิดในเรื่องของการเลี้ยงปลาว่า ควรเลือกเลี้ยงปลาอะไรก็ได้ที่คิดว่ามีอายุการเลี้ยงที่สั้น และสามารถทำเงินให้กับผู้เลี้ยงได้เร็ว โดยที่ไม่กินเงินทุนของผู้เลี้ยงเป็นระยะที่นานเกินไป และนอกจากนี้ยังได้กล่าวแนะนำสำหรับผู้ที่อยากเลี้ยงปลาเป็นอาชีพว่า คนที่จะเลี้ยงปลาให้ประสบผลสำเร็จนั้น เรื่องการจดบันทึกถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะจะทำให้รับรู้ถึงเรื่องต้นทุนและกำไรได้อย่างแม่นยำอีกด้วย.